เจ้าสาวพันแสบ ตอน1




บทนำ

-ลูกเสือ-


กรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ

ตึกสูงตั้งตระหง่าน ณ ใจกลางย่านธุรกิจ ตัวอักษรขนาดใหญ่ปรากฏชัดแก่สายตา บริษัทหลักทรัพย์เฟอร์ริงตัน ผู้ทำหน้าที่ปล่อยเงินทุนและตราสารเพื่อทำการพาณิชย์ ยืนหยัดอย่างมั่นคงในอังกฤษมาอย่างช้านาน จากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตันคือเจ้าของบริษัทแห่งนี้ ผู้ซึ่งรับช่วงต่อจากวิคเตอร์ เฟอร์ริงตัน จิ้งจอกเฒ่าแห่งวงการการเงินซึ่งบัดนี้ชราภาพมากเหลือเกินแล้ว และในอนาคตข้างหน้าบุตรชายของเขา ชายหนุ่มผู้ที่ถอดแบบผู้เป็นบิดามาแทบทุกกระเบียดเช่นเซย์ หรืออเล็กซานเดอร์ เซย์ เฟอร์ริงตัน จะเป็นผู้สืบทอดมันต่อไป

เฟอร์ริงตันยังมีสาขาที่ไทยอีกหนึ่งแห่ง บริหารงานโดยอเล็กซานเดอร์ แอล เฟอร์ริงตัน บุตรชายคนเล็กของวิคเตอร์ที่ใครหลายคนรู้จักกันในนามของมิสเตอร์แอล หรือ อลัน หนุ่มใหญ่เชื้อชาติไทย-อังกฤษ ผู้มีประสบการณ์การทำงานมายาวนานไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชายเช่นอเล็กซานเดอร์ ธุรกิจทางด้านนี้เรียกได้ว่าไม่มีมิตรแท้ แม้ความรุ่งเรืองเฟืองฟูที่มีอยู่จะหอมหวานแต่ก็ยังคงอยู่บนความหวาดระแวงศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน การใช้ชีวิตของคนตระกูลนี้จึงไม่เคยที่จะขาดผู้คุ้มกันที่ภักดี

รถยนต์ติดฟิล์มกันกระสุนแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดสำหรับผู้บริหาร ชายฉกรรจ์ก้าวลงจากรถเพื่อคุ้มกันอันตรายให้บุคคลสำคัญที่ก้าวตามลงมา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ภายใต้สูทหรูคือผู้เป็นนายเหนือพวกเขา ผมสีเข้มหยักศกเล็กน้อยตัดกับสีผิวขาวเช่นชาวตะวันตก และนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ผู้พบเห็นมักจะอุปาทานว่ามันสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสภาวะอารมณ์ของเจ้าตัวเสมอ กลุ่มคนทั้งหมดก้าวไปยังลิฟท์โดยสารสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสายตาของผู้ที่มาทำธุรกรรมทางการเงินมองตามหลังมา

ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นบนจนกระทั่งเสียงสัญญาณลิฟท์ดังเมื่อถึงที่หมาย ประตูลิฟท์ค่อยเปิดออกช้าๆขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าปรายขึ้นมองด้านนอก หัวคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าลิฟท์ ร่างเพรียวที่ยืนไขว้ขาก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ในมือค่อยเงยขึ้นมองเขา เมื่อสายตาสบกันเข้าใครคนนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะขยับเพื่อหลีกทางให้บอดีการ์ดของเขาก้าวออกไป
ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากตัวลิฟท์ ปรายมองร่างที่ก้าวสวนเข้าไปเมื่อเขาและบอดีการ์ดพ้นมาแล้ว ประตูลิฟท์ค่อยปิดลงเมื่อคนด้านในเงยขึ้นมามองเขา ประตูปิดลงแล้วแต่แววตาคู่นั้นกลับยังติดตรึงในความรู้สึกแม้ยามละสายตา

“ใคร?”

คำถามจากชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเลทำให้บอดีการ์ดร่างใหญ่เหลือบมองกัน ก่อนที่จะค้อมศีรษะลงอย่างจนปัญญากับคำถามนั้น ผู้ตั้งคำถามถอนใจเบาเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากลูกน้องของตน ลิฟท์ตัวนี้เป็นของชั้นบริหาร หากไม่ใช่แขกของเขาก็คงเป็นแขกของบิดากระมัง

“มิสเตอร์อเล็กเซย์คะ”

สายตาคมปรายมองคนเรียกเมื่อกำลังจะก้าวผ่านหน้าโต๊ะของเลขานุการ อเล็กเซย์คือชื่อเรียกในวงการธุรกิจของเขา

“ท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณเข้ามาให้เข้าพบท่านด้วยค่ะ”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อฟังคำรายงานจากเลขานุการของตน บิดาของเขาเข้าบริษัทด้วยหรือวันนี้ เช่นนั้นเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่คงเป็นแขกของบิดาอย่างที่เขาคาดเดา ชายหนุ่มมองเลขานุการของตนแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปยังห้องทำงานของบิดาแทน

.

บนอาคารที่พักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยชื่อดังของลอนดอนนัก คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กถูกเปิดค้างไว้บนโต๊ะ ขณะที่เจ้าของลุกไปหาน้ำมาดื่มแก้กระหาย ไฟในห้องถูกปิดเหลือเพียงโคมไฟบนโต๊ะที่ยังคงให้ความสว่าง กายสูงกลับมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ วางแก้วน้ำแล้วเอื้อมมือไปที่เมาส์เพื่อเลื่อนดูแต่ละภาพบนหน้าจอพร้อมข่าวกรอบเล็กๆข้างกัน สายตาไล่อ่านเนื้อข่าวแล้วริมฝีปากสวยก็บิดเล็กน้อยกับข่าวคราวของบุคคลในภาพ

“หล่อนักหรือไง กินไม่เลือกสักวันได้ติดคอตาย”

ปลายนิ้วกดปิดหน้าต่างเว็บไซต์ ก่อนปิดคอมพิวเตอร์เมื่ออารมณ์ไม่ดีเหมือนก่อนหน้าที่ได้เปิดมันดูเสียแล้ว ลุกไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็ให้นึกถึงคนที่ตนได้พบที่เฟอร์ริงตันเมื่อเช้านี้ นัยน์ตาสีน้ำทะเลนั่นน่าหลงใหลไม่หยอก

“ก็หล่อจริงๆแหละ... บ้าชะมัด”

พึมพำกับตนเองแล้วก็ทำเสียงขัดใจก่อนตลบผ้าห่มคลุมโปง เขานี่มันบ้า บ้าที่เผลอคิดไปว่าคนพรรค์นั้นดูดี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจทำให้ร่างบนเตียงดีดตัวลุก มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนตรงไปเปิดประตูห้องให้คนด้านนอก ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ผู้มีสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องถูกเปิด

“มีความเคลื่อนไหวครับ”

ได้ยินเช่นนั้นมุมปากคนฟังก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย... ได้เวลาสนุกแล้วสิ

ท้องถนนยามค่ำคืนในเมืองใหญ่ยังคงสว่างไสวจากแสงนีออน ชายร่างหนาเช่นชาวตะวันตกเดินลัดเลาะมาตามทางเท้าเพื่อมุ่งตรงไปยังรถของตนที่จอดทิ้งเอาไว้ในที่ลับตา สถานที่อโคจรด้านหลังคือแหล่งเจรจาธุรกิจชั้นดี เขามักทำงานลับให้กับบุคคลอันตรายอยู่เสมอ เพียงมีค่าตอบแทนที่สูงพอเขาก็พร้อมเสี่ยง งานที่ได้รับมาครั้งนี้ดูท่าจะยากเอาการ เพราะค่าตอบแทนที่ได้มันสามารถทำให้เขาอยู่สบายเฉกเช่นราชาไปได้อีกนานโข

ฝีเท้าที่ก้าวเดินเร่งขึ้นอีกเมื่อใกล้จะถึงตัวรถ และด้วยรู้สึกได้ว่ามีคนตามมากระชั้นชิดจึงต้องระงับอาการไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มแสร้งเปิดประตูรถแล้วก้มลงเอาของเข้าไปเก็บ ขณะที่หูยังคอยฟังเสียงฝีเท้า จนเมื่อฝ่ายนั้นเข้ามาใกล้ก็ชักปืนหันกลับไปเล็งจ่อตรงหน้า แต่เขากลับต้องเป็นฝ่ายนิ่งงัน ค่อยปรายมองด้านหลังแต่ก็ทำได้แค่ยืนนิ่งเพราะสิ่งที่กดอยู่บนศีรษะทำให้เลือดในกายเขาเย็นเยียบ กลอกตากลับมามองคนด้านหน้าฝ่ายนั้นก็กระตุกยิ้มเหนือกว่า ก่อนชักปืนจากเอวมาควงเล่นแล้วเล็งมาที่เขา ทำให้ตอนนี้เขาตกเป็นเป้าทั้งสองทาง จำต้องยกมือเสมอไหล่ทั้งปืนที่ละนิ้วจากไก ผู้ที่อยู่ด้านหลังเก็บปืนจากมือของเขาไป ขณะที่อีกคนชกเข้าที่ท้องจนตัวงอ

“ขอกุญแจด้วย”

เสียงคนด้านหลังสั่ง เขาอยากเหลือบมองแต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อถูกล็อคตัวไว้ ไม่นึกว่าจะมีคนรู้เร็วปานนี้ นับว่าจมูกเฟอร์ริงตันยังดี ผ้าถูกนำมาคาดปิดการมองเห็นและมัดตรึงแขนของเขาไพล่หลังก่อนจะถูกผลักเข้าไปนั่งภายในรถ ได้ยินเพียงเสียงปิดประตูก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างเขาพร้อมกับเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น

“ไปเที่ยวให้สนุกนะ”

เสียงนั้นกระซิบบอกข้างหูทำให้ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดสี เที่ยวที่ว่าหากความหมายแง่ลบเขาคงไม่รอด คงไม่มีใครใจดีพาเขาไปเที่ยวอย่างที่พูดหรอกกระมัง รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอด ชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้ว่าคนพวกนี้จะพาเขาไปที่ไหน รถแล่นมาได้สักระยะก็เร่งความเร็วมากขึ้นจนเขาคิ้วขมวด

“บ้าเอ๊ย มาช้าแล้วยังกัดไม่ปล่อยอีก”

เสียงบ่นจากคนข้างๆดังขึ้น เขาได้ยินเสียงขยับตัวก่อนรถจะแฉลบเล็กน้อย

“ขอขับ”

“ไม่ได้ครับ”

“เอ๊!”

“กลับไปนั่งที่ครับ”

เสียงถกเถียงของคนทั้งคู่เงียบลง แต่รถยังคงแล่นเร็วจนหลังเขาติดเบาะ คนพวกนี้กำลังหนีอะไรกัน หรือมีคนมาช่วยเขาอย่างนั้นหรือ

“ได้ งั้นขอปืน”

เมื่อได้ยินแต่เสียงก็พาให้อยากรู้ไปเสียหมดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เขาพยายามฟังเสียงเพื่อจับใจความ ได้ยินเสียงจากด้านนอกดังเข้ามาคงเพราะเปิดหน้าต่าง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นแบบไม่ต้องคาดเดา เสียงปืนดังอยู่สักพักพร้อมกับอาการคลื่นเหียนเพราะรถที่ส่ายไปมาจนเขากลิ้งตกจากเบาะนั่ง ก่อนที่เสียงเหล่านั้นจะหยุดลงพร้อมอาการสะใจของคนที่อยู่ในรถ

“วู้ กลับไปดื่มนมแม่ให้โตกว่านี้ดีกว่าไหม อ่อนว่ะ ฮ่าๆๆ”

“นั่งลงดีๆครับ”

“โอ๊ย ขัดใจจริง!”

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายหนืดคอ ได้แต่นอนคุดคู้อยู่ใต้เบาะอย่างเงียบเชียบ ท่าทางหนึ่งในนั้นจะบ้าบิ่นน่าดู นี่เขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่หรือ สองคนนี้คือใคร คนของเฟอร์ริงตันใช่ไหม!??

.

หน้าคฤหาสน์เฟอร์ริงตัน เหล่าบอดีการ์ดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าเพื่อรายงานในสิ่งที่พวกตนได้กระทำ คิ้วหนาขมวดเมื่อได้รู้ว่าทุกอย่างล้มเหลว ก่อนที่คำถามกึ่งตวาดจะดังตามมา

“ปล่อยให้หนีไปได้อย่างนั้นเรอะ!?”

บอดีการ์ดของเฟอร์ริงตันก้มหน้ารับผิด ขณะที่ผู้เป็นนายของพวกเขาถอนหายใจแรง การมีคู่แข่งทางธุรกิจเป็นเรื่องปรกติ เฟอร์ริงตันเองก็เช่นกัน การขัดแข้งขัดขา ลามไปจนถึงขั้นเลือดตกยางออกมีมาเสมอ เพราะเฟอร์ริงตันเองก็ใช่จะใจซื่อมือสะอาด จากรุ่นสู่รุ่นชื่อเสียงด้านลบมันสั่งสมจนกลายเป็นตราประทับของเฟอร์ริงตันไปเสียแล้ว เมื่อก่อนนี้ศัตรูตัวฉกาจของเฟอร์ริงตันคือเวสส์ แต่ ณ ปัจจุบัน เวสส์และเฟอร์ริงตันคือพี่น้อง ทำให้ทั้งสองบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใด เพราะทั้งเฟอร์ริงตันและเวสส์อยู่มาช้านาน บริษัทหน้าใหม่ผุดขึ้นมาต่อกรก็มาก และในตอนนี้มีบรรษัทข้ามชาติที่นึกอยากยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าพวกเขา การร่วมทุนระหว่างผู้มีอิทธิพลมืดในอังกฤษและเจ้าพ่อจากฝั่งเอเชีย ฟังดูแล้วน่าสนุกใช่เล่น หลังจากธุรกิจข้ามชาตินั้นเปิดตัว เฟอร์ริงตันก็ถูกโจมตีหนักหน่วง

“เห็นหน้ามันไหม?” เอ่ยถามเมื่อลดความกราดเกรี้ยวลงบ้างแล้ว

“ไม่ชัดเจนครับ แต่...” รีบแย้งเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายเคร่งขรึมขึ้นมาอีก “แต่เราได้ภาพของคนที่คาดว่าอาจจะใช่มาแล้วครับ”

ซองเอกสารถูกส่งให้ผู้เป็นนาย บอดีการ์ดของเขาทำงานเร็วดี แต่ประสิทธิภาพยังไม่อาจการันตีได้เพราะคำว่า ‘อาจจะ’

“ลองอธิบายคำว่าอาจจะของพวกนายมาซิ” เอ่ยเสียงเรียบขณะรับซองเอกสารมาไว้ในมือแล้วค่อยคลายเชือกเพื่อดูภาพด้านในนั้น

“จากหลักฐานที่รวบรวมมาได้ ทั้งรูปพรรณสัณฐาน เสื้อผ้าที่สวมใส่ และรถที่เข้ามาจอดบริเวณคลับ ล้วนแล้วแต่มีผู้ชายคนนี้อยู่...”

“มั่นใจได้ยังไงว่าเป็นเขา?”

“เขาค่อนข้างมีจุดเด่นครับ”

“อะไร?” เอ่ยถามพลางเลื่อนภาพจากในซองออกมาดู ก่อนที่จะนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่ารูปนั้นคือใคร

เซย์ยกมือไม่ให้บอดีการ์ดของตนพูดต่อ เพราะเขาเห็นแล้วว่าจุดเด่นที่ว่าคืออะไร แต่ที่ทำเอาเขาจุกอักก็คงเพราะเขายังจำเด็กผู้ชายในลิฟท์คนนั้นได้ นี่เขาโง่งมนักหรืออย่างไรถึงได้ปล่อยให้ศัตรูขึ้นมาเหยียบจมูกถึงที่

น่าเสียดายจริงหากคนที่เขาต้องตาจะถูกเหมารวมยกเข่งกับพวกบรรษัทข้ามชาติพวกนั้น เด็กคนนี้คงยังเป็นพวกมือใหม่หัดร้ายถึงได้ไม่ระมัดระวังตัวเอาเสียเลย เอาเข้าจริงพวกมันคงดูถูกเขามากถึงได้ส่งเด็กเมื่อวานซืนเช่นนั้นมาต่อกรกับเขา

“หาหลักฐานเกี่ยวกับเด็กคนนี้มา แล้วรายงานฉัน... เท่านั้น”

สำหรับคนอย่างเซย์ แค่เด็กคนเดียว ไม่คณามือหรอกน่า!
Share this video :

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. นิยาย - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger