New Videos from Youtube

เรื่องสั้น แนวอิโรติก..วาบหวิว-สยิวทรวง...หอมกลิ่นฟาง 18+ นะจะต่ำก็อ่านได้


"สีทอง..จะไปเลยหรือลูก.."

"ขาแม่ แกงกำลังร้อนๆ ประเดี๋ยวพี่เครียวจะได้ทานเลยยังไงคะ"

"แน่ใจนะว่าถือไปได้ไม่ไปทำหกตามทางเสียก่อน บอกให้เอาน้องซ้อนท้ายถือไปให้ก็ไม่เอา.."

"หนูถือเองได้ค่ะแม่ ไปก่อนนะคะ ถ้าอยู่ติดค่ำๆ จะให้พี่เครียวมาส่ง.." สีทองบอกกับแม่ขณะหิ้วปิ่นโตเดินไปที่จักรยานสองล้อ หล่อนโยนตัวขึ้นนั่งบนอาน สองเท้าปั่น มุ่งหน้าไปยังบ้านของเครียว ทุ่งคา ชายคนรัก





เวลาเดียวกับที่สีทองใช้สองเท้าปั่นจักรยานมา เครียว ทุ่งคา คนหนุ่มแห่งบ้านทุ่งคา กำลังโกยมัดฟางแห้งซ้อนกันเป็นชั้นๆอยู่ข้างบ้าน แล้วนำมาวางเรียงกันเป็นกองยาวๆอีกครั้ง ไอ้เครียวมันขยันอย่างนี้แหละ หมดหน้านาแล้ว แทนที่จะอยู่เที่ยวไปวันๆประสาคนหนุ่ม กลับไม่ทำ สู้ใช้เวลาว่างนั้นมาเพาะเห็ดฟางให้แม่ทองคำนำไปขายที่ตลาดดีกว่า ใครๆก็รู้ว่าเห็ดฟางของเครียว ดอกโตตูมสวย นำไปผัดหรือแกงอร่อยยิ่งนัก!

แดดยามบ่ายที่สาดส่องลอดใบไผ่มา ทำให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงของไอ้หนุ่มวัยเบญจเพสมองดูเป็นมันเลื่อมเมื่อสะท้อนกับแสงแดด เครียวก้มๆเงยๆอยู่กับกองฟาง พลางผิวปากเพลงลุกทุ่งเสียงดังลั่น เพลิดเพลินอยู่กับงาน แต่แล้วเมื่อเสียงกริ่งจักรยานดังขึ้นตรงริมรั้วกระถินหน้าบ้าน ทำให้หนุ่มเครียวละสายตาขึ้นมอง

"สีทอง!" เครียวร้องทัก สีทองยิ้มเห็นฟันขาวมาแต่ไกล เขาผละจากกองฟางวิ่งเข้าไปหาเจ้าของจักรยานที่หิ้วปิ่นโตเถาใหญ่ใกล้เข้ามา

"พี่เครียว สวัสดีค่ะ.." สีทองทักเขาบ้าง "พี่เครียวทำอะไรอยู่คะตะกี้.."

"พี่กำลังเอาฟางข้าวเรียงกันเป็นชั้น เตรียมเพาะเห็ดอีกรุ่นจ้ะสีทอง ไงหมู่นี้หายไป ไม่มาช่วยพี่เก็บเห็ดเลย ตอนนี้เห็ดของพี่ขายดี ผลิตแทบไม่ทันขาย เมื่อไหร่สีทองจะเอาไปแกงอีกล่ะ คราวนี้พี่จะให้ดอกใหญ่เป็นพิเศษเลย ดอกนี้รับรองเก็บรักษาอย่างดีไว้ให้สีทองกินคนเดียว.." เครียวหยุดเมื่อพาสีทองเดินมาถึงแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นตะแบก "นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะสีทองคนดี.." และท้ายประโยค เครียวหันไปเรียกแม่ที่วุ่นวายอยู่กับการทำครัวภายในบ้าน "แม่ครับ สีทองลูกสะใภ้ของแม่มาแล้ว ขอน้ำเย็นลอยดอกมะลิซักขันซิครับแม่.."

"บ้าพี่เครียวนี่ ยังไม่ทันเป็นอะไรกันซักหน่อย มาทึกทักว่าเป็น..." สีทองค้อนชายหนุ่มที่นั่งใช้ผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อตามเนื้อตัวอยู่ 

"ไม่ได้เป็นตอนนี้ แต่อีกไม่นานก็ได้เป็นแล้วนี่จ้ะสีทองจ๋า.." เครียวแย้ง

"ไม่ต้องมาทำปากหวานกับสีทองหรอก โน่นแม่อุ้มขันมาแล้ว ไปรับหน่อยซิไป๊.."

"สวัสดีค่ะป้า.." สีทองพนมมือไหว้ป้าทองคำ แม่ของเครียว

"เออสวัสดีลูกสีทอง วันนี้เอาแกงอะไรมาให้พ่อเครียวอีกล่ะ.."

"แกงปลาช่อน กับน้ำพริกอ่องค่ะ"

"นั่นของชอบของพ่อเครียวเขาละ คุยกันตามสบายเลยนะลูก ป้าขอตัวก่อน.." นางทองคำหลีกทางให้หนุ่มสาวคู่รักคุยกันตามลำพัง

เครียวยื่นมือไปคว้าปิ่นโตตรงหน้ามาเปิดดู "อื้อฮือ !หอมฉุยเลย" เครียวร้องเมื่อเห็นปลาช่อนชิ้นใหญ่ในน้ำแกงขลุกขลิก "พี่ชักหิวข้าวเสียแล้วซิ สีทองไปเอาปลาช่อนมาจากไหนจ้ะ..?" เครียวถามยิ้มๆ

"ตกเบ็ดจ้ะพี่เครียว" สีทองตอบ ชม้ายชายตามองหนุ่มเครียวด้วยความรักท่วมท้นอยู่เต็มหัวอก ครั้นเห็นสายตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องเป๋งมาที่ตน สีทองเป็นเบือนหน้าหลบอย่างเอียงอายประสาหญิง คนอะไรก็ไม่รู้ มองเราแต่ละทียังกะจะกลืนกินแน่ะ!!

"ตกเบ็ด!" เครียวอุทาน ตีหน้าทะเล้น "นี่สีทองหัดตกเบ็ดแล้วหรือนี่ แล้วปลายักดีไหมจ้ะ..?"

"อุ๊ย !อะไรก็ไม่รู้.." สีทองพอจะเข้าใจว่าเครียวหมายถึงอะไร "สีทองตกเบ็ดเป็นมาตั้งนานแล้วนะพี่เครียว และก็ไม่ได้ตกคนเดียวด้วย สีทองไปตกกับน้องเมฆ แล้วพี่เครียวรู้มั้ย ไอ้ช่อนตัวนี้กว่าสีทองจะตกได้กินเวลาเป็นชั่วโมงเชียวนะ


"โอ้โฮ! ตั้งชั่วโมงเชียว แล้วนี่สองที เอ๊ย..สีทองไม่เมื่อยนิ้วแย่หรือจ้ะ..?"

"บ้าพี่เครียวนี่..อย่ามาทะลึ่งกับสีทองนะ.." 

สีทองเอื้อมมือตีแขนเขาดังเพี๊ยะ จึงถูกข้อมือแข็งแรงของเครียวยึดเอาไว้แน่น "ฮึ !รู้งี้คราวหลังสีทองเอาสลอดใส่เสียให้เข็ด คนอะไรชอบพูดจาสองแง่สามง่าม แล้วไม่ต้องมาผวนชื่อของสีทอง ฟังแล้วมันยังไงชอบกล สีทองไม่อยากพูดกับพี่เครียวแล้วล่ะ คนบ้า.." สีทองกระฟัดกระเฟียด แต่ก็น่ารักเสมอสำหรับไอ้เครียว

"แล้วเมื่อไหร่สีทองจะไปตกอีก คราวนี้ขอพี่เครียวไปด้วยคนนะ จะได้ตกเบ็ดกับสีทองคนนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย.." เครียวยกข้อมือสีทองขึ้นจูบก่อนปล่อยวาง 

"อย่ามัวพูดมากอยู่เลย ไหนบอกว่าหิวข้าว รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้กินข้าว"

"จริงซิ ไปเถอะไปอาบน้ำกัน สีทองอาบน้ำกับพี่นะ เดี๋ยวเอาผ้าถุงของแม่ไปผลัด.."

"ไม่เอาละสีทองอาบมาแล้ว.." ส่ายหน้าปฏิเสธ

"ไม่เอาได้ไง ดูซิถีบจักรยานมาเหงื่อโทรมทั้งตัวเชียว ถ้าไม่อาบเดี๋ยวพี่ไม่ให้ร่วมวงทานข้าวด้วยหรอก นะ..เราอาบกันสองคน!!" เครียวพูดเองเออเอง ขอผ้าถุงจากแม่ แล้วหนุ่มสาวทั้งสองก็พากันเดินไปที่ลำคลอง ทีอยู่ปลายนาโน่น!

ดวงตะวันสีทองลอยเรี่ยต่ำลงทุกขณะ น้ำในคลองเริ่มเย็นขึ้น ฝูงปลาซิวปลาสร้อยว่ายมาตอดเมื่อเครียวแหย่เท้าลงไปในน้ำ สีทองอยู่ไม่ไกลจากเครียวนัก พอมองเห็นกัน แต่ไม่ถนัดนักเพราะมีต้นกุ่มน้ำบังอยู่ ระหว่างที่ผลัดผ้าสีทองร้องบอกเครียวว่า.." พี่เครียวอย่าหันมานะ และก็ห้ามว่ายมาตรงที่สีทองอาบด้วย เราอยู่กันคนละคุ้งน้ำก็แล้วกัน ถ้าพี่เครียวเข้ามาหรือว่าแอบดูสีทอง ขอให้พี่เครียวตาเป็นกุ้งยิง.."

"โธ่ สีทองเอ๊ย พี่ไม่ดูหรอก ไหนๆต่อไปก็ได้ดูอยู่วันยังค่ำแล้วจริงมั๊ย แล้วระวังนะ พี่เครียวคนนี้จะทั้งดูทั้งดูดเชียวละ.."

"บ้า.." ได้ยินสีทองว่ามาเบาๆ แล้วก็เงียบไป เสียงวักน้ำซู่ๆดังขึ้นแทน ส่วนเครียวถูสบู่ไปพลางร้องเพลงไปพลางดังลั่นคุ้งน้ำ

กำลังขัดสีฉวีวรรณ ทำความสะอาดเจ้าเห็ดฟางดอกตูมดอกใหญ่ของเขาเพลินๆ แต่แล้วเครียวต้องตกใจ เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องดังมาจากสีทอง

"ว้าย!พี่เครียว ช่วยด้วย.."

เครี่ยวพุ่งตัวไปยังจุดที่สีทองอาบน้ำทันที "พี่เครียว." สีทองโผเข้ากอดคอเขา "ช่วยสีทองด้วยค่ะ ปละ..ปละ..ปลิง มันเกาะ ทะ..ที่..." สีทองกลายเป็นคนติดอ่างไปโดยอัตโนมัติ

"ปลิงเกาะที่ไหนหือสีทอง..?" เครียวถามรัวเร็ว สีทองหน้าซีด รีบบอกตำแหน่งที่ปลิงเกาะให้เครียวรับรู้!!

ตายละ! เกาะตรงไหนไม่เกาะ ดันเกาะตรงใกล้ตำแหน่งสำคัญเสียด้วยซิ

เครียวรีบพาสีทองเข้ามาที่บริเวณน้ำตื้น สีทองหลับตาปี๋เมื่อเครียวค่อยๆเลิกผ้าถุงขึ้น

หัวใจเครียวเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะเมื่อฝ่ามือค่อยๆบรรจงเปิดผ้าถุงลึกเข้าไป ลึกเข้าไป

เรียวขาขาวงดงามราวหยวกกล้วยชั้นใน ไม่มีที่ติของสีทอง ทำให้เครียวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น..ใกล้เข้าไป..ใกล้เข้าไป อ้อ..นี่ไงเจอแล้ว ตัวการ เป็นปลิงควายตัวขนาดเกือบเท่านิ้วชี้ นับว่าใหญ่เอาการทีเดียว

เครี่ยวค่อยๆปลดมันออกอย่างยากลำบาก แล้วชายหนุ่มก็จับมันขว้างขึ้นไปบนบก "ออกแล้วละสีทอง..."

สีทองค่อยๆลืมตาขึ้น ส่วนเครียวลืมตัวชั่วขณะ ปลดปลิงออกแล้ว มือเขายังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ลูบคลำท่อนขาขาวแผ่วเบา เขาทำตาลอยอย่างกับคนเพิ่งผ่านการเสพกัญชาไปหมาดๆ

"..สีทอง" เครียวร้องเรียกหญิงคนรักเสียงแผ่ว "พี่รัก รักเอ็งเหลือเกิน..เป็นของพี่เถอะสีทอง...พี่..พี่ทนไม่ไหวแล้ว.." จบคำพูดริมฝีปากของเครียวประกบลงบนริมฝีปากสวยได้รูปของสีทองทันที สีทองนัยน์ตาลอยเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์รักลุ่มลึก หล่อนเผลอเผยอริมฝีปากรับลิ้นของเครียวที่สอดแทรกเข้าไปหาความหอมหวานในช่องปาก
ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่มท่ามกลางความมืดที่โรยตัวลงมาจนมืดมิดไปทั่วคุ้งน้ำ มือทั้งสองข้างของเครียวอยู่ไม่เป็นที่ เขาลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวของสีทอง..สองคนพากันเคลื่อนร่างมาริมตลิ่งที่มีน้ำปริ่มเอว

เครียวถอนปากออกจากปากสีทอง พึมพำเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วเขาก็เลื่อนปากไปที่ปทุมเต่งทั้งคู่ซึ่งบัดนี้ปราศจากอาภรณ์ปิดแล้ว เพราะผ้าถุงที่สีทองกระโจมอกไว้ได้หลุดลุ่ยไปกองปริ่มบนน้ำแทบไม่รู้ตัว เครียวเองก็เช่นกัน ผ้าขาวม้าที่มัดปมไว้ไม่แข็งนัก หลุดออกจากตัวตอนไหนไม่รู้ ตอนนี้ถ้าสีทองก้มลงมองต่ำ หล่อนคงตกใจแทบช็อกถ้าได้เห็นเห็ดฟางดอกโตของเครียวกำลังเปลี่ยนสภาพจากดอกตูมเป็นดอกบานอย่างเต็มที่!!

"พี่เครียว..จะทำอะไร..สีทอง" สีทองละล่ำละลักถาม หล่อนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอะไรบางอย่างของเครียว เริ่มโจมตีที่หน้าขาของหล่อนเข้าแล้ว!!

"พี่จะทำให้สีทองมีความสุขไง.." เครียวงึมงำออกจากลำคอ "สีทองไม่ต้องกลัวนะ..ตอนนี้โลกเป็นของเราสองคนแล้ว..."

สีทองพูดอะไรไม่ออก ในอ้อมกอดของชายคนรัก หล่อนกำลังเกิดอารมณ์รัญจวนจนถึงขีดสุด..ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะล้ำลึกเท่าครั้งนี้ ครั้งที่หล่อนเปลือยกายอยู่กับเครียวเพียงสองต่อสอง ครั้งที่ผ่านมาเครียวแค่กอดจูบหล่อนธรรมดา ซึ่งสถานที่ส่วนใหญ่เป็นกองฟางใกล้บ้านมากกว่า หากคราวนี้หล่อนกับเขามาไกลถึงชายคลอง แถมบรรยากาศมันช่างเป็นใจอะไรอย่างนี้

สีทองเกิดความสะท้านวูบเมื่อเครียวปาดฝ่ามือไปยังส่วนที่หล่อนหวงแหน..ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครได้สัมผัสของหล่อนเลย นอกจากมือของตัวเองเท่านั้น มาบัดนี้นิ้วทั้งห้าของเครียวกำลังเฟ้นฟอนชอนไชไปตามหลืบร่อง นิ้วหนึ่งของเขาได้แทรกแหวกหญ้าหายเข้าไปสู่ความลึกล้ำดำมืดเบื้องล่าง มันผ่านส่วนปลายของจุดที่ไวต่อความรู้สึกเบาๆก่อน แล้วค่อยแรงขึ้น ๆ ยิ่งทำให้หล่อนเกิดความซาบซ่านดาลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"..พี่เครียว..จะทำอะไรก็ทำเถิด สีทองทะ..ทน..ไม่ไหวแล้ว..พี่เครียว" สีทองครางครวญ ขณะที่เครียวควงนิ้วขึ้นลงเป็นจังหวะถี่กระชั้น หล่อนบิดตัวตามอย่างรุนแรงเหมือนจะหนีบนิ้วของเครียวให้ขาดเป็นท่อนๆ

ไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปากของเครียว นอกจาก.... ..... ....

"โอ๊ะ! พี่เครียว สีทอง..เจ็บ" สีทองเริ่มร้องเมื่อสัมผัสว่า สิ่งที่กำลังล่วงล้ำเข้าไปในความสาวของหล่อนไม่ใช่ปลายนิ้วของเครี่ยวเสียแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ใหญ่กว่ารูปเหมือนดอกเห็ดที่ผู้ชายทุกคนรักมาก เขาหยิบยื่นมันเข้าไปในร่างของหล่อน เครียวดันร่างสีทองให้เอนกายพิงริมตลิ่ง น้ำหนักของคนทั้งสองทำให้ทรายริมตลิ่งกร่อนลงไปแถบหนึ่ง แต่ทั้งสองยังไม่ถอนตัวออกจากกัน..

..เบื้องล่าง สายน้ำกระฉอกไม่เป็นจังหวะ เขาปิดปากสีทองไว้ด้วยปากของเขา ไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา หัวใจของสีทองเต้นแรงปานปะทุออกมานอกอก..หล่อนเกิดความดื่มด่ำล้ำลึกสุดจะทานทน และวินาทีต่อมาหล่อนกอดรัดร่างเครียวไว้แนบแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะผละจากอกหล่อน เครียวเองก็เช่นกัน..ลูกสูบของเขาที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เริ่มเดินช้าลง-ช้าลง และแล้วเขาก็ฟุบหน้าเกลือกลิ้งลงบนร่างของสีทอง..เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงดังขึ้นพร้อมกัน

"พี่ พี่มีความสุขมากที่สุด สีทองละ..." เครียวถาม เมื่อถอนตัวออกจากกัน

"ก็มี..มีบ้างเหมือนกัน" สีทองยิ้มอายๆตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน "พี่เครียวได้สีทองแล้ว อย่าทิ้งสีทองนะคะ..รับปากซิพี่เครียว.."

"พี่จะทิ้งสีทองได้ไง ในเมื่อคืนนี้พี่ได้มอบเห็ดฟางดอกพิเศษที่พี่รักมากที่สุดให้กับสีทองแล้ว..ตายละ นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามกัน รีบอาบน้ำล้างตัวกลับกันเถอะสีทอง ป่านนี้พ่อกับแม่คงรอกินข้าวกันแย่แล้ว..ดูซิเผลอเพลินจนค่ำมืด กินข้าวอิ่มแล้วคืนนี้สีทองอย่ากลับบ้านเลยนะ นอนบ้านพี่ดีกว่า เดี๋ยวดึกๆเราจะได้ปลูกเห็ดฟางกันอีก นะสีทอง.."

"อื้อ !ไม่เอาละ วันนี้สีทองเหนื่อยพอแล้ว เห็ดพี่เครียวดอกใหญ่จะตาย เอาไว้ปลูกวันหลังเถอะ.."

"งั้นก็กลับกันเลยนะ.." เครียวตัดบท พาสีทองกลับมาบ้าน





ลุงทองมี พ่อของเครียว พอเห็นหน้าหนุ่มสาวเดินควงกันมาในความมืด ก็เอ่ยแซว...

"ไอ้เครียว เอ็งนี่ชักจะไปกันใหญ่นะ เที่ยวพาอีหนูสีทองไปได้ไงค่ำๆมืดๆ เดี๋ยวแม่เขาก็แล่นมาฉีกอกพ่อหรอก รักกันก็รีบๆแต่งงานกันเร็วซิ พ่อนะอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว.."

"ผมแต่งแล้วพ่อ.." เครียวชิงตอบ "ผมเพิ่งแต่งกับสีทองที่ริมคลองเมื่อกี้นี้เอง นะสีทองนะ บอกพ่อกะแม่ซิว่าเราแต่งกันแล้ว และคืนนี้จะแต่งกันอีกสองที เอาให้สมชื่อสีทองเลย"

"ว้าย !พี่เครียวบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ พ่อแม่อย่าไปเชื่อนะคะ พี่เครียวโกหก.." สีทองเอียงอาย

"เอาละ เอาละ อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย กินข้าวกันดีกว่า" แม่ทองคำตัดบท "แล้วกะเดี๋ยวอิ่มข้าวอิ่มปลา เอ็งจะไปแต่งไปแทงกันที่ไหนก็ตามใจเอ็งเถอะ ขออย่างเดียวอย่ามาแต่งใต้ถุนบ้านก็แล้วกัน..แม่ขี้เกียจตาเป็นกุ้งยิง.."

จบคำพูดของนางทองคำ หนุ่มเครียวและสาวสีทอง ต่างหัวเราะประสานเสียงกันในความมืด เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ ฟังดูช่างเต็มไปด้วยความสุขหฤหรรษ์เสียนี่กระไร.

(คำเตือนของเรื่องสั้นเรื่องนี้ อายุต่ำกว่า 30 ควรปรึกษาคนรอบข้างก่อนอ่านจบ โอ..ตายแว้ว เผลออ่านจบไปแล้วทำไงดีละทีนี้ เก๊าะกระซิบบอกคนรอบข้างอ่านด้วยซิ จะได้คุยกันได้ 555)



ต้นฉบับ 15 มีนาคม 2531

ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสารทีเด็ด ฉบับที่ 251 (20 เมษายน 2531)

ขอบคุณ..ภาพประกอบสวยๆจากอินเตอร์เน็ต และบีจีสดใสจาก..ญามี่

เรื่องสั้นทุกเรื่อง มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย

ขอบคุณเพลงประกอบ กลิ่นฟางสาบสาว ของ ปอง ปรีดา อาจจะเก่านิสนึงนะคราบ





นิยายสั้น ๆ แบบ ซึ้ง ๆ เรื่อง เรื่องมันเศร้า





ผู้หญิงคนหนึ่ง ... เทอผิดหวังในความรัก
ซึ่งมันเป็นความผิดพลาดของตัวเทอเอง

ในคืนนั้น ... หญิงสาวเทอได้คำตอบจากคนรักของเทอว่า

"เราจบกันเท่านี้เถอะ ... เราไม่อยากทน ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว"

หญิงสาวก็ได้แต่ฟัง และ น้ำตาไหล
ซึ่งเทอไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
แม้แต่ที่อยากจะรั้งเค้าเอาไว้
เทอก็ไม่อาจทำได้

เพราะเทอเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายคนรักของเทอจากไปเอง
เทอโกหกชายคนรักของเทอไว้ต่าง ๆ นานา

เทอรักเค้า เทอเจ็บปวดมาก เทอรู้สึกผิด


และเทอก็รู้สึกแค้น ... เพราะชายคนรักของเทอก็ได้พบ ญ ที่แสนดีคนใหม่
ที่ดีกว่าตัวเทอ


เมื่อชายคนรักได้จากลา ...
น้ำตาก็ไม่อาจกลั้นไว้ ...
ได้แต่ฝืนทนกับรักที่จากไป ...
จะอยู่ทำไมกับโลกนี้ ที่ไร้เทอ ...


เทอก็พร่ำอยู่กับความคิดของตัวเทอเอง ที่ทะเลาะกันไปมา
ระหว่างหัวใจกับความคิด
ซึ่งตอนนั้นสติของเทอได้ตะเลิดไปไหนต่อไหนแล้ว
เทอเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเพลงเศร้า
ทำไมเพลงเศร้าทุกเพลงมันช่างตรงกับชีวิตเทอนัก
เทอจุดเทียนหอมที่เทอชอบสะสม
ปิดไฟทั้งห้อง
มีเพียงแสงสว่างจากเทียนและหน้าจอคอมพิวเตอร์

เทอเต้นรำกับตัวเทอเอง
มีแต่น้ำตา และแอลกอฮอลเป็นเพื่อนเทอในยามนั้น
เทอเริ่มไม่มีสติ

เทอหยิบมีดที่เทอพกในกระเป๋าที่เทอมักจะพกเอาไว้ป้องกันตัวขึ้นมา


แต่ในยามนี้


เทอเอามาแก้ไขผิดสถานะการณ์


น้ำตาเทอเริ่มไหลไม่หยุด


" ช่วงชีวิตฉันที่ขาดเธอ เหมือนจะตาย หัวใจมันทนไม่ไหว
มันคอยแต่มองร้องหาว่าเธอ อยู่ไหนและเป็นอย่างไร
กลับมาหาฉัน ได้โปรดเถอะนะคนดี ต่อจากนี้ที่เคยร้องไห้
จะไม่ทำให้เธอต้องช้ำและเสียน้ำตา
กลับมาเป็นอย่างเดิมได้ไหม รักกันอย่างเก่า "

สิ้นเพลงท่อนนี้ ... 

เทอเอามีดกรีดแทงเข้าไปที่หน้าอกซ้ายของเทอ

น้ำตาเทอไหลริน ... พร้อมเลือดที่ไหลไม่หยุด

ตาเทอยังไม่หลับ

เทออยากบอกคนรักเทอว่า

"ฉันรักเทอมากนะ
ถึงแม้ฉันจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้มองเทอกับคนรักใหม่ของเทอมีความสุข
แต่อยากให้เทอรับรู้ไว้ว่า ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ชาติไหน
ฉันจะยังรักเทอ จะอยู่ใกล้ ๆ เทอ 


ได้ยินไหม




ฉันจะอยู่ใกล้ ๆ เทออ "

The love รักสุดปิ๊งเรื่องจริงเธอกับฉัน Part2





Part 2

(Neon Part)~

หลังจากที่ฉันกินข้าวแสนจะอร่อยนั้นฉันก็พาเพื่อนสุดเลิฟของฉันผู้ซึ่งเป็นจอมตะกละ

กินได้ทุกอย่าง ที่ขวางหน้า ไปที่คาเฟ่เล็กๆของงโรงเรียนที่มีชื่อว่า School of cafe

เป็นคาเฟ่ที่ขายอาหารจำพวก น้ำปั่น กาแฟ ขนมปัง ไอศกรีม บลาๆๆๆๆๆ

"นี่แกยังจะกินต่ออยู่หรอวะยัยคริปตอน"

"ก็ฉันยังไม่อิ่มนี่นา แม่ค้าที่โรงอาหารก็ให้ข้าวฉันแค่นิดเดียวเองอ่ะT^T"

"อ่ะๆๆๆ งั้นก็รีบๆสั่งเร็วๆ "

 และแล้ว อาหารทุกอย่างก็เนรมิตออกมาเสริฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็วทันใจ

"โห่....นี่แกสั่งคนเดียวเลยหรอนี่"

"ก็แหงสิ คนมันมีตังซะอย่าง"

"กินน้อยๆบ้างก็ได้นะแก จากเอว24 เพรียวๆ มันจะกลายเป็น34ได้นะเว้ย"

"ฉันก็ออกกำลังการทุกวันอยู่แล้วนี่ คิดว่าฉันเป็นใคร ทำไมจะรักษาหุ่นไม่ได้

โด่วๆๆๆ บ้านฉันรวยซะอย่าง เข้าฟิตเนสแป๊บเดียว"

"จ้าๆๆๆ สาวมีกะตังค์ ชิส์"

"เออๆๆนี่ๆๆแก ฉันว่านะ วันนี้มันต้องมีอะไรแปลกๆแน่เลย อยู่ดีๆก็มี

ผู้ชายหน้าหล่อๆ สองคน โผล่มา ยิ้มให้ ทักทาย อร๊าาาย"

"ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย แล้วเขาไปยิ้มให้เธอตอนไหนอ่ะ

โรคหลงตัวเองเ้ข้าสิงรึไง"

"ไม่รู้หล่ะ ฉันว่าคนนั้นต้องเป็นเนื้อคู่ของฉันแน่เลยว่าป่ะ^^"

"มั้ง - -"

 หลังจากที่ฉันนั่งฟังการสาธยายอันเนื่องมาจากแมงโม้ตอมบนหัว

ของเพื่อนฉันแล้ว จู่ๆก็มีมือมาสะกิดหลังฉัน

"อ้าว!เจอกันอีกแล้วหรอ"

"บังเอิญจังเลยค้า ดูสิ ตอนกินยังเท่ห์เลย"

"คริปตอน น้อยๆหน่อยเหอะ เขาอาจจะหิวขนมปังก็ได้"

"เอ่อมแล้ว นีออน ตอนบ่ายมีเรียนอะไรหรอ"

"อ๋อ เรียนคณิตจ้า แล้วนายเรียนไรอ่ะ ซีนอนสุดหล่อ><"

"อ๋อ สังคมน่ะ - -"

"นี่ๆๆพอได้แล้วยัยคริปตอน เอ่อ ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ

ที่พูดจาคล้ายสัตว์มีนอ มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วแหละ"

"อ๋อๆๆไม่เป็นไรๆ ฉันไปก่อนนะ พอดีรีบไปทำงาน"

 และแล้ว ร่างใหญ่ๆทั้งสองก็หายวับไปกับตา

"นี่แกหาว่าฉันแรดหรอยัยนีออน"

"เอาน่าๆๆๆ อย่าซีเรียสไปเลย"

"แต่ว่า แกๆๆๆ ขออย่านึงได้ป่ะ"

"ว่าๆๆ"

"จีบเรดอนให้ฉันหน่อนสิ"

"เจอกันแค่วันเดียวเองชอบแล้วหรอ"

"ใช่ๆสิ เขาทั้งหล่อ น่ารัก น่าๆๆทุกอย่างเลย"

"คิดไรของแกเนี่ย ฉันไม่เอาด้วยหรอก"

"แต่แกเป็นเพื่อนฉัน ต้องช่วยฉันนะเว้ย สมหวังๆๆๆ"

"เห๊อ.....ก็ได้ - -"

รักสุดปิ๊ิง เรื่อจริงเธอกับฉัน





Past1 

(Neon part)~

  เปิดเทอมมาวันแรก อากาศสดใส ฉันได้ตื่นไปโรงเรียนอย่างมีความสุขหลังจากที่ปิดเทอมมายาวนาน 

"มัวแต่นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ ไปโรงเรียนได้แล้วลูก"  เสียงแม่ฉันกำลังตะโกนมาจากครัวเพื่อบอกให้ฉันรีบได้แล้ว!

"แย่แล้ว จะเข้าแถวทันไม๊เนี่ย"  หลังจากที่ฉันรีบร้อนในการวิ่งเข้าแถว ร่างของฉันก็ปะทะกับชายหนุ่มคนนึง

"โอ๊ย" เขาจึงพยายามจะช่วยฉันพร้อมกับยื่นมือมาดึงแขนฉันขึ้น

"นี่ๆๆเธอ เจ็บตรงไหนรึเปล่า ^^" 

ฉันเงยหน้าขึ้นมาแล้วจึ่งพบได้ว่า นี่แหละสุภาพบุรุษตัวจริงแหละ ><

"อ่อๆๆ ไม่เป็นไรมากหรอก เรารีบไปเข้าแถวกันเถอะ "
"เธออยู่ชั้นไหนอ่ะ"

"อ่อ.. ม.5 ห้อง3น่ะ " 

"อ๋อ รุ่นเดียวกันนี่นา ฉันอยู่ห้อง2 นะมีอะไรปรึกษาได้นะ^^"

อร๊ายๆๆๆๆ คนอะไรหล่อที่สุดเลยอ๊ะ><    หลังจากนั้นฉันจึงไปเข้าแถวโดยที่ไม่สนใจเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมซักเท่าไหร่

"นี่ๆๆๆยัยนีออน มาสายต้อนรับเปิดเทอมเลยนะ"  ยัยคริปตอนพูดขึ้นพร้อมกันเอามือมาตบไหล่ฉันเบาๆ

"เชอะๆ ก็ปิดเทอมมันเพลินนี่นา แหะๆ" ฉันพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนสนิทสุดๆของฉัน

พักเที่ยง.............

 ฉันกำ ลังเดินไปที่โรงอาหารซักพักก็ได้เจอกับคนคนนั้น

"อ้าวคนที่ฉันชนเมื่อเช้านี่นา"

"อ้าว สวัสดีตอนเที่ยงๆ กินข้าวยังอ่ะ "

"ยังเลยๆๆ พิ่งเลิกเรียน"

"แล้วเธอชื่อไรหล่ะ"

"นีออนจ่ะ"

"ฉันซีนอนนะ ส่วนนี่ฝาแฝดฉันชื่อเรดอน ฉันไปละนะ ทานข้าวให้อร่อยหล่ะ ค่อยๆกินนะเดี๋ยวสำลัก^^" 

"ใครอ่ะแก สุภาพบุรุษจังเลย" ยัยคริปตอนถามฉันพร้อมกับยิ้มหน้าบานเท่ากระด้ง

"เพื่อนห้อง2น่ะ " 

"ฉันอยากรู้จักบ้างจังเลย แถมคนที่ชื่อว่าเรดอนอะไรนั่นน่ะ เขายิ้มให้ฉันด้วยอ่า กรี๊ดดดดด"่

 นี่แหละน้า ถึงเป็นเพื่อนกันได้

นั้นเเฟนผมนะ ..(ตอนเดียวจบ)





กริ๊งค์ๆๆๆ .. เสียงโทรศัพท์ปลุกผม... // "" โอ๊ยยยย ไม่อยากตื่น โว๊ยยย  .. "" ชื่อของผมคือ คริส .. ผมอยู่ประเทศเยอรมัน 

ชีวิตของผมตื่นมา..ก็ธรรมดาเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ .. "" คริสส ได้เวลาไปโรงเรียนเเล้วนะลูกก !!!  """ เสียงคุณเเม่เริ่มโมโห ผม ..

"" ครับๆ มาเเล้วครับบบ !! "" ผมรีบพูดเเล้วรีบวิ่งตรงตรี่ไปโรงเรียน .. ปั๊กกก !!! เสียงมือใครบางคนมาจับไหล่ผม.. !! 

"" ว่างาย !!!! ไอ้หัวหยิก  """ เพื่อนสนิทของผม เเดเนียล ล้อผมอีกเเล้ว !!! ..  

"" ไรของเองเนี่ย ไปๆไปโรงเรียนกัน "" ผมรีบพูดเเล้วเดินหนีไอ้เพื่อนเลวของผม ..  

ตึก ตึก ตึก ตึก ... เสียงรองเท้ามีส้นกำลังวิ่งมาตามหลังผม .. 

สิ่งที่ผมเห็นคือ ... ผู้หญิงผมดำ หุ่นดี หน้าตาขาว สวย วิ่งตัดหน้าผมไป .. ด้วยความเร็ว พร้อมกับ ถือกระเป๋าเป้สีฟ้า .. 

ทำไมเธอถึงสวยขนาดนี้นะ ... ?? !!  

"" เฮ้ย คริส มองใครอยู่ว่ะ ไมไม่รีบไปโรงเรียนเดี้ยวก้สายหรอกเว้ย !!!   "" เเดเนียล พูดกับผม .. 

"" เออๆ ไปเหอะไป "" ผมพูดกับเเดเนียล เเล้วรีบวิ่งตรงไปโรงเรียนอย่างไว !! .. 

/// at Class .. 

จ๊อก เเจ๊ก จ๊อก เเจ๊ก .. เสียงเพื่อนในห้องเรียนคุยกันอย่างไม่เเคร์สื่อ ผมเเทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเพื่อน ตะโกน 
เเละ คุยกัน 

เเอ๊ดดดด ~ ..... เสียงประตูห้องเรียนเปิด .. 

ผมมองไปเเล้วสงสัยว่าใครที่เข้ามา คุณครูหรอ ? ..  ที่ผมเห็นคือ .. สาวคนนั้น ผมดำ หน้าขาว นี่น่า ...  

ผม อายมาก ทำตัวไม่ถูก .. อยากจะถามชื่อนะเเต่ว่า ...  ชั่งมันเหอะๆๆ !! 

"" เฮ้ยยย !! คริสส มีเด็กใหม่เอเซียวะ !! ""  เเดเนียล พูดกับผม 

"" เอ้ออ !! ก็งั้นๆ ไม่เห็นจะน่ารักเลย ""  ผมพูดพราง เเคะ ขี้มูก ไปด้วย .. เเต่ในใจน่ะ ผมน่ะ อยากจะร้องไห้เเล้วพูดว่า
โครตสวยเลยเเหละ  

ควับ ... เธอคนนั้นหันหน้ามาหาผม !! เเล้วเเถมได้ยินอีก โอ๊ยยย เอาไงดีที่เนี่ยยยย ... 

"" เอิ่มม .. เธอชื่ออะไร .. ""  ผมพูดพรางเขิน .. 

"" ฮอนนี่ .. "" เธอพูดเเล้วก้มมองดูหนังสือ .. 

เฮ้ยยยยย เธอตอบผมเเล้ววววว  55555555 ++

"" เราชื่อ คริส นะ  "" ผมพูด พรางอมยิ้มให้กับเธอ เผื่อว่าเธอจะรู้ความในใจบ้าง .. 

เเต่ที่ผมเจอคือ ... ความเงียบสนิท .. เธอ เบาๆว่า" อืม " เเล้ว  หาว อย่างไม่สนใจ ... T-T" ผมเลย  

ชั่งเถอะ ..  .. คุณครูเดินเข้ามาในห้อง .. ทุกคน เงียบสนิท .. 

"" อ้่าว นักเรียน วันนี้มีเด็กใหม่ โครงการ เเลกเปลีั่ยน !! ไทย-เยอรมัน นะ ดูเเลเพื่อนด้วย ""  คุณครูพูดเเล้ว เริ่มทำการสอน ..

ทุกคนหันหน้าไปมอง ฮอนนี่ .. สุดที่รักของผม .. (เหรอ)   

เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ผมเจอเธอที่หน้าประตู โรงเรียน ก่อนจะกลับบ้าน .. โอกาส ดีละเว้ย เฮ้ยยย !!!!  

"" เฮ้ ... .."" เสียงผู้หญิงใสๆ เรียกผม .. ใครกันนะ !! 

พอ ผมหันไป ... ว้าวววววววว !!!!!! หน้าตาเหมือน ฮอนนี่ เลย ใครอะ !!! ????  

"" เธอคือใคร ? .. "" ผมถามหญิงเเปลกหน้า  

"" เป็นพี่สาวของ ฮอนนี่ จ้ะ เธอชื่อ คริส ใช่ไหม ? ""  เธอถามผม เเล้ว ยิ้ม 

"" ใช่ครับ .. ยินดีที่ได้รู้จักละกันนะครับ .. "" ผมพูด เเล้ว กำลังเดินหนีออก ห่าง เพื่อจะกลับบ้าน .. 

"" คริสสส !!!  """ พี่เค้าเรียกผมอีกเเล้ว !! - -" 

"" ครับบ !! มีไรหรอครับบ !!! ? ""  

... ควับ ...  !!! พอผมหันไป เจอ ฮอนนี่ ยิ้ม เเล้ว โบกมือให้ ผม !!  

โอ๊ยย ใจจะลอยเเล้ว คนไรโครตน่ารักเลยวะ !!  

"" คริส อ่ะ นี่เบอร์ฉัน .. โทรมาน้า ^^ !! "" เธอพูดเเล้วเดินกลับบ้านกับพี่สาวของเธออย่างช้าๆ 

............ ผม ได้เเต่เงียบ เพราะ ความตกใจ เเละ .. ความสวย รอยยิ้มที่น่ารักของเธอ ทำให้ผมเเทบบ้าคลั่ง !! ... 

19:00 ... จะโทรไปดีไหมม !!! โอ๊ยย ไม่กล้าว่ะ !! คืนนี้ เเดเนียล มันมาค้างบ้านผมด้วย เอาไงดีละ 

"" เฮ้ยยย ไอ้คริส ถือไรอยู่วะ !! เอามาดูบ้างดิ๊ !!! ""  เเดเนียล พูดกับผม .. - -" 

"" ไม่เอา !!! เว้ย !!  "" ผมตอบมัน ด้วยความเครียดด !!!!! 

"" โถ่ๆๆ ไม่ต้องโกรธ ขนาดน้านนน เบอร์สาวเร๊อะ  "" มันตอบพรางอมยิ้มม 

"" ประมาณนั้น ..  "" ผมตอบเเล้วทำท่าไม่สนใจ 

"" เบอร์ใครวะ !!! ไม่น่าเชื่อคนหัวหยิกเเบบนายจะมีสาวมาจีบ วิ๊ดวิ๊ววว !!!  "" ... 

"" ย๊ากกกกกกกกกกกกก """  ผมเตะไอ้เพื่อนตัวเเสบ ออกจากตัว ประมาณ 10 เซนติเมตร - -" .. 

ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก .. จะโทรไปดีไหมวะ ..  

"" เฮ้ย .. ชอบ ฮอนนี่ ใช่ม๊ะ !! "" เเดเนียลถามผม 

"" เออ น่ารักเเบบนั้น ใครจะไม่ชอบ วะ   "" ผมตอบ 

"" นั้นเบอร์ เธอ ใช่ไหม ไมไม่โทรอะ โอกาสเเบบนี้หาได้ยากนะเว้ย !!  ""

.. เออ นั้นสินะ ผมน่าจะโทร ..  โทรก็ได้ ... 

ตู๊ดดด ... ++ 

รับเเล้ว !!!!!  

"" ฮัลโหล !! "" เสียงใสๆพูดตอบ 

"" .... "" ผมเงียบ 

"" ใครน่ะ !! ? .. "" เธอถาม 

"" ฮอนนี่ !! เป็นเเฟนกันไหม ""

     Hospital of Love





ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโรงพยาบาลแห่งนั้นมีเด็กผู้ชายคนนึง เขาชื่อ อัลเบิร์ต เขาพักรักษาตัวเพราะพึ่งผ่าตัดไส้ติ่ง แต่เนื่องจากอัลเบิร์ตชอบหนีออกจากโรงพยาบาลตอนกลางคืนเพื่อออกไปเที่ยว จึงทำให้อาการของเขาหายช้า เวลาผ่านไป3วันตั้งแต่ที่อัลเบิร์ตพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลก็มีเด็กผู้หญิงคนนึงได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลที่อัลเบิร์ตพักรักษาตัวอยู่ เธอชื่ออลิช เธอป่วยเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรง เธอจึงพักอยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็กแต่เมื่อเร็วๆนี้เธอเริ่มเริ่มมีอาการทรุดหนักจึงถูกย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้อัลเบิร์ตกับอลิชพักอยู่คนละตึก อัลเบิร์ตพักอยู่ตึกผู้ป่วยธรรมดาส่วนอลิชพักอยู่ตึกผู้ป่วยหนัก สองตึกนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกันพอดีและเนื่องจากอยู่ตรงข้ามกันพอดีจึงมองเห็นกันผ่านหน้าต่างได้
                อยู่มาวันหนึ่งในขณะในขณะที่อัลเบิร์ตกำลังจะหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อหนีออกไปเที่ยวก็ถูกนางพยาบาลซึ่งเป็นนางพยาบาลที่ดูแลอัลเบิร์ตจับได้จึงถูกลากคอกลับไปที่ห้องพัก นางพยาบาลคนนี้เธอชื่อ แอนนี่เธอเป็นนางพยาบาลที่แปลกไม่เหมือนใคร แอนนี่มีนิสัย ห้าวๆ ออกแนวนักเลงชอบสูบบุหรี่ และเธอก็เป็นน้าของอัลเบิร์ต แต่ต่อหน้าผู้ป่วยคนอื่นเธอเป็นนางพยาบาลที่สวยและสุภาพ ให้ความเคารพต่อผู้ป่วยคนอื่นแต่กับอัลเบิร์ตเธอเป็นกันเองมากทำอะไรไม่เคยเกรงใจอัลเบิร์ตเลยและเธอก็มีอำนาจเหนืออัลเบิร์ตด้วยเหตุผลบางประการ
                หลังจากที่อัลเบิร์ตถูกแอนนี่ลากคอกลับห้องพักก็ถูกเทศนาอย่างหนักจากแอนนี่แต่อัลเบิร์ตก็ไม่สนใจทำเป็นหูทวนลมมองออกไปที่หน้าต่างและสายตาของอัลเบิร์ตก็มองเห็นอลิช(นางเอกของเรา)ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในตึกผู้ป่วยหนักทันทีที่อัลเบิร์ตเห็นอลิช เขาก็ตกหลุมรักเธอทันทีแล้วอัลเบิร์ตก็พูดขัดบทเทศนาของแอนนี่ขึ้นว่า " เด็กผู้หญิงที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้ามนั่นใคร? " อัลเบิร์ตถามแอนนี่แต่สายตามองของเขามองไปที่เด็กผู้หญิงที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้าม "อ๋อ เธอชื่ออลิชเธอพึ่งย้ายมาที่โรงยาบาลนี้ " แอนนี่ตอบกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว "เอาหล่ะ นอนหลับได้แล้ว เดี๋ยวก็หายช้ากว่าเดิมหรอก " แอนนี่พูดแล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป" คร้าบบบบ "อัลเบิร์ตตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเพราะตนเองไม่ได้อกไปเที่ยว
                เช้าวันรุ่งขึ้นอัลเบิร์ตก็ได้ไปที่ตึกผู้ป่วยหนัก เพื่อไปหาอลิชเธอตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอัลเบิร์ตเปิดประตูเข้าไป " สวัสดี เราชื่ออัลเบิร์ต" อัลเบิร์ตทักทายอย่างเป็นกันเอง อลิชได้ยินดังนั้นและตอบกลับไป "สวัสดีค่ะ ชั้นชื่ออลิช " อลิชตอบกลับตามมารยาท " ชั้นรู้แล้วหล่ะชั้นถึงมาหาเธอไงหล่ะ " อลิชทำสีหน้างงเล็กน้อย "เธอพึ่งย้ายเข้ามาใหม่ใช่มั๊ยหล่ะ " อัลเบิร์ตถามต่อ " อืม "อลิชตอบกลับไปสั้นๆ แล้วทั้งสองก็คุยกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่ตอนนั้นอัลเบิร์ตก็มาเยี่ยมหาอลิชทุกวันความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เพิ่มมากขึ้น
                เวลาก็ผ่านมาประมาณ 2 อาทิตย์อลิชก็เกิดอยากออกไปเที่ยวข้างนอกแต่เพราะเธออาการหนักจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก อัลเบิร์ตจึงคิดแผนการพาลิชออกไปเที่ยวข้างนอกตอนกลางคืนและแล้วอัลเบิร์ตก็ได้พาอลิชมาที่เนินเขาซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมืองทั้งสองคนก็ได้ชมความงามของแสงไฟของเมืองในยามราตรี แต่แล้วทันใดนั้นอลิชก็เกิดอาการทรุดหนักจึงต้องนำเข้าห้อง ICU แล้วอาการของอลิชก็ค่อยๆดีขึ้นนิดหน่อยจนกลับมาอยู่ที่ห้องพักได้แล้วอัลเบิร์ตก็ไปเยี่ยมหาอลิชเหมือนทุกทีแต่เมื่ออัลเบิร์ตเปิดประตูเข้าไปก็พบกับหมอคนหนึ่ง เป็นผู้ชายอายุประมาณ 30กว่าๆอยู่ในห้องพร้อมกับอลิช เขาเป็นหมอประจำตัวของอลิช หมอคนนั้นชื่อว่าเอ็ดจ์เวิร์ด คุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดย้ายมาพร้อมกับอลิช เขาเป็นหมอประจำตัวของอลิชและเขาก็เป็นน้าของอลิช เขารักและเป็นห่วงอลิชเหมือนเป็นลูกแท้ๆเมื่ออัลเบิร์ตเปิดประตูเข้าไปคุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดก็เดินเข้ามาหาอัลเบิร์ตแล้วพูดว่า "ช่วยไปบนดาดฟ้าด้วยกันหน่อย "
                เมื่อทั้งสองเดินมาถึงดาดฟ้าคุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดก็พูดขึ้นว่า " เธออย่ามาหาอลิชอีกเลยนะ เด็ดขาด "คุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดพูดในขณะที่หันหลังให้อัลเบิร์ต " ทำไมหล่ะครับ "อัลเบิร์ตถามทั้งๆที่รู้เหตุผล "เพราะถ้าหากอลิชอยู่กับเธออาการอาจจะแย่ลงกว่าเดิม "คุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดตอบกลับอย่างไว " แต่... " อัลเบิร์ตกำลังจะพูด " ไม่มีแต่! "คุณหมอเอ็ดจ์เวิร์ดพูดขัดขึ้นมาพร้อมกับหันหน้ามาทางอัลเบิร์ตด้วยสีหน้าที่กำลังโกรธอัลเบิร์ตที่กำลังตกใจกลัวก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า " ครับ "แล้วอัลเบิร์ตก็ลงจากดาดฟ้ากลับไปที่ห้องของตัวเอง
                ตั้งแต่ตอนนั้นอาการของอลิชก็มีแต่จะทรุดหนักลงไปเรื่อยๆจนอลิชต้องเข้าห้อง ICU อีกครั้งแต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งโอกาสรอดเพียง 50% เมื่ออัลเบิร์ตรู้จึงรีบไปหาอลิชที่ห้องแต่ก็ไม่ทันเพราะอลิชได้เข้าไปในห้องผ่าตัดเรียบร้อยแล้วและกำลังผ่าตัดอยู่อัลเบิร์ตได้แต่รออยู่หน้าห้องผ่าตัด และแล้วเวลาก็ผ่านไป 4 ชั่วโมงแอนนี่พยาบาลสาวและเป็นน้าของอัลเบิร์ตก็บอกให้อัลเบิร์ตกลับไปพักที่ห้องหลังจากที่อัลเบิร์ตกลับห้อง อลิชก็ผ่าตัดเสร็จพอดีและเธอก็ปลอดภัย
                พอวันรุ่งขึ้นเมื่ออัลเบิร์ตรู้ว่าอลิชปลอดภัยก็ดีใจมากและรีบไปหาอลิชที่ห้องแต่เมื่อไปถึงก็เจอกับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอเดินมาหาอัลเบิร์ตแล้วพูดขึ้นว่า" เธอเองสินะ อัลเบิร์ต ชั้นเป็นแม่ของอลิชชั้นขอสั่งห้ามไม่ให้เธอเจออลิชอีก ออกไปได้แล้ว "แล้วแม่ของอลิชก็ผลักอัลเบิร์ตออกจากห้องแล้วปิดประตู แต่อัลเบิร์ตก็ไม่ได้หมดความหวังเขาพยายามที่จะเจออลิชให้ได้ เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกแม่ของอลิชขัดขวางและแล้วอัลเบิร์ตก็คิดที่จะปีนระเบียงเพื่อไปหาอลิชให้ได้
                หลังจากผ่าตัดเสร็จอลิชสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 ปีเท่านั้นและอัลเบิร์ตก็รู้เรื่องนี้แล้ว และเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับอลิช
                พอตกดึกทุกคนต่างก็หลับกันหมดอัลเบิร์ตก็ได้แผนการไต่ระเบียงไปหาอลิช และแล้วแผนการไต่ระเบียงก็สำเร็จด้วยดีเขาแอบเข้าทางหน้าต่างแต่แล้วแม่ของอลิชก็ตื่นมาเจออัลเบิร์ตตอนกำลังมุดเข้าทางหน้าต่างพอดีอัลเบิร์ตจึงชิงพูดก่อน " คุณแม่ครับ "อัลเบิร์ตพูดในสภาพที่ตัวอยู่กึ่งกลางหน้าต่างพอดี "ผมขอโอกาสได้พูดกับอลิชซักครั้งก็ยังดี "แล้วอัลเบิร์ตก็หันหน้าไปทางอลิชแล้วพูดว่า " อลิช...ชั้นรักเธอ ชั้นอยากอยู่กับเธอตลอดไป "เมื่ออลิชได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนร้องไห้และพูดกลับไปว่า " แต่ชั้นมีอายุอยู่ได้อีกแค่3 ปีเท่านั้นนะ " แล้วอัลเบิร์ตก็ตอบกลับไปทันทีว่า" ชั้นจะอยู่กับเธอ ชั้นจะใช้ 3ปีที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด "เมื่อแม่ของอลิชได้ยินดังนั้นจึงยอมรับความรักของทั้งสองและยอมให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
                และแล้วอัลเบิร์ตกับอลิชก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในทุกๆวันตลอด 3 ปีที่เหลืออยู่

เจ้าสาวพันแสบ ตอน1




บทนำ

-ลูกเสือ-


กรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ

ตึกสูงตั้งตระหง่าน ณ ใจกลางย่านธุรกิจ ตัวอักษรขนาดใหญ่ปรากฏชัดแก่สายตา บริษัทหลักทรัพย์เฟอร์ริงตัน ผู้ทำหน้าที่ปล่อยเงินทุนและตราสารเพื่อทำการพาณิชย์ ยืนหยัดอย่างมั่นคงในอังกฤษมาอย่างช้านาน จากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตันคือเจ้าของบริษัทแห่งนี้ ผู้ซึ่งรับช่วงต่อจากวิคเตอร์ เฟอร์ริงตัน จิ้งจอกเฒ่าแห่งวงการการเงินซึ่งบัดนี้ชราภาพมากเหลือเกินแล้ว และในอนาคตข้างหน้าบุตรชายของเขา ชายหนุ่มผู้ที่ถอดแบบผู้เป็นบิดามาแทบทุกกระเบียดเช่นเซย์ หรืออเล็กซานเดอร์ เซย์ เฟอร์ริงตัน จะเป็นผู้สืบทอดมันต่อไป

เฟอร์ริงตันยังมีสาขาที่ไทยอีกหนึ่งแห่ง บริหารงานโดยอเล็กซานเดอร์ แอล เฟอร์ริงตัน บุตรชายคนเล็กของวิคเตอร์ที่ใครหลายคนรู้จักกันในนามของมิสเตอร์แอล หรือ อลัน หนุ่มใหญ่เชื้อชาติไทย-อังกฤษ ผู้มีประสบการณ์การทำงานมายาวนานไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชายเช่นอเล็กซานเดอร์ ธุรกิจทางด้านนี้เรียกได้ว่าไม่มีมิตรแท้ แม้ความรุ่งเรืองเฟืองฟูที่มีอยู่จะหอมหวานแต่ก็ยังคงอยู่บนความหวาดระแวงศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน การใช้ชีวิตของคนตระกูลนี้จึงไม่เคยที่จะขาดผู้คุ้มกันที่ภักดี

รถยนต์ติดฟิล์มกันกระสุนแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดสำหรับผู้บริหาร ชายฉกรรจ์ก้าวลงจากรถเพื่อคุ้มกันอันตรายให้บุคคลสำคัญที่ก้าวตามลงมา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ภายใต้สูทหรูคือผู้เป็นนายเหนือพวกเขา ผมสีเข้มหยักศกเล็กน้อยตัดกับสีผิวขาวเช่นชาวตะวันตก และนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ผู้พบเห็นมักจะอุปาทานว่ามันสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสภาวะอารมณ์ของเจ้าตัวเสมอ กลุ่มคนทั้งหมดก้าวไปยังลิฟท์โดยสารสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสายตาของผู้ที่มาทำธุรกรรมทางการเงินมองตามหลังมา

ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นบนจนกระทั่งเสียงสัญญาณลิฟท์ดังเมื่อถึงที่หมาย ประตูลิฟท์ค่อยเปิดออกช้าๆขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าปรายขึ้นมองด้านนอก หัวคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าลิฟท์ ร่างเพรียวที่ยืนไขว้ขาก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ในมือค่อยเงยขึ้นมองเขา เมื่อสายตาสบกันเข้าใครคนนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะขยับเพื่อหลีกทางให้บอดีการ์ดของเขาก้าวออกไป
ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากตัวลิฟท์ ปรายมองร่างที่ก้าวสวนเข้าไปเมื่อเขาและบอดีการ์ดพ้นมาแล้ว ประตูลิฟท์ค่อยปิดลงเมื่อคนด้านในเงยขึ้นมามองเขา ประตูปิดลงแล้วแต่แววตาคู่นั้นกลับยังติดตรึงในความรู้สึกแม้ยามละสายตา

“ใคร?”

คำถามจากชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเลทำให้บอดีการ์ดร่างใหญ่เหลือบมองกัน ก่อนที่จะค้อมศีรษะลงอย่างจนปัญญากับคำถามนั้น ผู้ตั้งคำถามถอนใจเบาเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากลูกน้องของตน ลิฟท์ตัวนี้เป็นของชั้นบริหาร หากไม่ใช่แขกของเขาก็คงเป็นแขกของบิดากระมัง

“มิสเตอร์อเล็กเซย์คะ”

สายตาคมปรายมองคนเรียกเมื่อกำลังจะก้าวผ่านหน้าโต๊ะของเลขานุการ อเล็กเซย์คือชื่อเรียกในวงการธุรกิจของเขา

“ท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณเข้ามาให้เข้าพบท่านด้วยค่ะ”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อฟังคำรายงานจากเลขานุการของตน บิดาของเขาเข้าบริษัทด้วยหรือวันนี้ เช่นนั้นเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่คงเป็นแขกของบิดาอย่างที่เขาคาดเดา ชายหนุ่มมองเลขานุการของตนแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปยังห้องทำงานของบิดาแทน

.

บนอาคารที่พักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยชื่อดังของลอนดอนนัก คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กถูกเปิดค้างไว้บนโต๊ะ ขณะที่เจ้าของลุกไปหาน้ำมาดื่มแก้กระหาย ไฟในห้องถูกปิดเหลือเพียงโคมไฟบนโต๊ะที่ยังคงให้ความสว่าง กายสูงกลับมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ วางแก้วน้ำแล้วเอื้อมมือไปที่เมาส์เพื่อเลื่อนดูแต่ละภาพบนหน้าจอพร้อมข่าวกรอบเล็กๆข้างกัน สายตาไล่อ่านเนื้อข่าวแล้วริมฝีปากสวยก็บิดเล็กน้อยกับข่าวคราวของบุคคลในภาพ

“หล่อนักหรือไง กินไม่เลือกสักวันได้ติดคอตาย”

ปลายนิ้วกดปิดหน้าต่างเว็บไซต์ ก่อนปิดคอมพิวเตอร์เมื่ออารมณ์ไม่ดีเหมือนก่อนหน้าที่ได้เปิดมันดูเสียแล้ว ลุกไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็ให้นึกถึงคนที่ตนได้พบที่เฟอร์ริงตันเมื่อเช้านี้ นัยน์ตาสีน้ำทะเลนั่นน่าหลงใหลไม่หยอก

“ก็หล่อจริงๆแหละ... บ้าชะมัด”

พึมพำกับตนเองแล้วก็ทำเสียงขัดใจก่อนตลบผ้าห่มคลุมโปง เขานี่มันบ้า บ้าที่เผลอคิดไปว่าคนพรรค์นั้นดูดี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจทำให้ร่างบนเตียงดีดตัวลุก มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนตรงไปเปิดประตูห้องให้คนด้านนอก ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ผู้มีสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องถูกเปิด

“มีความเคลื่อนไหวครับ”

ได้ยินเช่นนั้นมุมปากคนฟังก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย... ได้เวลาสนุกแล้วสิ

ท้องถนนยามค่ำคืนในเมืองใหญ่ยังคงสว่างไสวจากแสงนีออน ชายร่างหนาเช่นชาวตะวันตกเดินลัดเลาะมาตามทางเท้าเพื่อมุ่งตรงไปยังรถของตนที่จอดทิ้งเอาไว้ในที่ลับตา สถานที่อโคจรด้านหลังคือแหล่งเจรจาธุรกิจชั้นดี เขามักทำงานลับให้กับบุคคลอันตรายอยู่เสมอ เพียงมีค่าตอบแทนที่สูงพอเขาก็พร้อมเสี่ยง งานที่ได้รับมาครั้งนี้ดูท่าจะยากเอาการ เพราะค่าตอบแทนที่ได้มันสามารถทำให้เขาอยู่สบายเฉกเช่นราชาไปได้อีกนานโข

ฝีเท้าที่ก้าวเดินเร่งขึ้นอีกเมื่อใกล้จะถึงตัวรถ และด้วยรู้สึกได้ว่ามีคนตามมากระชั้นชิดจึงต้องระงับอาการไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มแสร้งเปิดประตูรถแล้วก้มลงเอาของเข้าไปเก็บ ขณะที่หูยังคอยฟังเสียงฝีเท้า จนเมื่อฝ่ายนั้นเข้ามาใกล้ก็ชักปืนหันกลับไปเล็งจ่อตรงหน้า แต่เขากลับต้องเป็นฝ่ายนิ่งงัน ค่อยปรายมองด้านหลังแต่ก็ทำได้แค่ยืนนิ่งเพราะสิ่งที่กดอยู่บนศีรษะทำให้เลือดในกายเขาเย็นเยียบ กลอกตากลับมามองคนด้านหน้าฝ่ายนั้นก็กระตุกยิ้มเหนือกว่า ก่อนชักปืนจากเอวมาควงเล่นแล้วเล็งมาที่เขา ทำให้ตอนนี้เขาตกเป็นเป้าทั้งสองทาง จำต้องยกมือเสมอไหล่ทั้งปืนที่ละนิ้วจากไก ผู้ที่อยู่ด้านหลังเก็บปืนจากมือของเขาไป ขณะที่อีกคนชกเข้าที่ท้องจนตัวงอ

“ขอกุญแจด้วย”

เสียงคนด้านหลังสั่ง เขาอยากเหลือบมองแต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อถูกล็อคตัวไว้ ไม่นึกว่าจะมีคนรู้เร็วปานนี้ นับว่าจมูกเฟอร์ริงตันยังดี ผ้าถูกนำมาคาดปิดการมองเห็นและมัดตรึงแขนของเขาไพล่หลังก่อนจะถูกผลักเข้าไปนั่งภายในรถ ได้ยินเพียงเสียงปิดประตูก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างเขาพร้อมกับเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น

“ไปเที่ยวให้สนุกนะ”

เสียงนั้นกระซิบบอกข้างหูทำให้ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดสี เที่ยวที่ว่าหากความหมายแง่ลบเขาคงไม่รอด คงไม่มีใครใจดีพาเขาไปเที่ยวอย่างที่พูดหรอกกระมัง รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอด ชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้ว่าคนพวกนี้จะพาเขาไปที่ไหน รถแล่นมาได้สักระยะก็เร่งความเร็วมากขึ้นจนเขาคิ้วขมวด

“บ้าเอ๊ย มาช้าแล้วยังกัดไม่ปล่อยอีก”

เสียงบ่นจากคนข้างๆดังขึ้น เขาได้ยินเสียงขยับตัวก่อนรถจะแฉลบเล็กน้อย

“ขอขับ”

“ไม่ได้ครับ”

“เอ๊!”

“กลับไปนั่งที่ครับ”

เสียงถกเถียงของคนทั้งคู่เงียบลง แต่รถยังคงแล่นเร็วจนหลังเขาติดเบาะ คนพวกนี้กำลังหนีอะไรกัน หรือมีคนมาช่วยเขาอย่างนั้นหรือ

“ได้ งั้นขอปืน”

เมื่อได้ยินแต่เสียงก็พาให้อยากรู้ไปเสียหมดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เขาพยายามฟังเสียงเพื่อจับใจความ ได้ยินเสียงจากด้านนอกดังเข้ามาคงเพราะเปิดหน้าต่าง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นแบบไม่ต้องคาดเดา เสียงปืนดังอยู่สักพักพร้อมกับอาการคลื่นเหียนเพราะรถที่ส่ายไปมาจนเขากลิ้งตกจากเบาะนั่ง ก่อนที่เสียงเหล่านั้นจะหยุดลงพร้อมอาการสะใจของคนที่อยู่ในรถ

“วู้ กลับไปดื่มนมแม่ให้โตกว่านี้ดีกว่าไหม อ่อนว่ะ ฮ่าๆๆ”

“นั่งลงดีๆครับ”

“โอ๊ย ขัดใจจริง!”

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายหนืดคอ ได้แต่นอนคุดคู้อยู่ใต้เบาะอย่างเงียบเชียบ ท่าทางหนึ่งในนั้นจะบ้าบิ่นน่าดู นี่เขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่หรือ สองคนนี้คือใคร คนของเฟอร์ริงตันใช่ไหม!??

.

หน้าคฤหาสน์เฟอร์ริงตัน เหล่าบอดีการ์ดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าเพื่อรายงานในสิ่งที่พวกตนได้กระทำ คิ้วหนาขมวดเมื่อได้รู้ว่าทุกอย่างล้มเหลว ก่อนที่คำถามกึ่งตวาดจะดังตามมา

“ปล่อยให้หนีไปได้อย่างนั้นเรอะ!?”

บอดีการ์ดของเฟอร์ริงตันก้มหน้ารับผิด ขณะที่ผู้เป็นนายของพวกเขาถอนหายใจแรง การมีคู่แข่งทางธุรกิจเป็นเรื่องปรกติ เฟอร์ริงตันเองก็เช่นกัน การขัดแข้งขัดขา ลามไปจนถึงขั้นเลือดตกยางออกมีมาเสมอ เพราะเฟอร์ริงตันเองก็ใช่จะใจซื่อมือสะอาด จากรุ่นสู่รุ่นชื่อเสียงด้านลบมันสั่งสมจนกลายเป็นตราประทับของเฟอร์ริงตันไปเสียแล้ว เมื่อก่อนนี้ศัตรูตัวฉกาจของเฟอร์ริงตันคือเวสส์ แต่ ณ ปัจจุบัน เวสส์และเฟอร์ริงตันคือพี่น้อง ทำให้ทั้งสองบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใด เพราะทั้งเฟอร์ริงตันและเวสส์อยู่มาช้านาน บริษัทหน้าใหม่ผุดขึ้นมาต่อกรก็มาก และในตอนนี้มีบรรษัทข้ามชาติที่นึกอยากยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าพวกเขา การร่วมทุนระหว่างผู้มีอิทธิพลมืดในอังกฤษและเจ้าพ่อจากฝั่งเอเชีย ฟังดูแล้วน่าสนุกใช่เล่น หลังจากธุรกิจข้ามชาตินั้นเปิดตัว เฟอร์ริงตันก็ถูกโจมตีหนักหน่วง

“เห็นหน้ามันไหม?” เอ่ยถามเมื่อลดความกราดเกรี้ยวลงบ้างแล้ว

“ไม่ชัดเจนครับ แต่...” รีบแย้งเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายเคร่งขรึมขึ้นมาอีก “แต่เราได้ภาพของคนที่คาดว่าอาจจะใช่มาแล้วครับ”

ซองเอกสารถูกส่งให้ผู้เป็นนาย บอดีการ์ดของเขาทำงานเร็วดี แต่ประสิทธิภาพยังไม่อาจการันตีได้เพราะคำว่า ‘อาจจะ’

“ลองอธิบายคำว่าอาจจะของพวกนายมาซิ” เอ่ยเสียงเรียบขณะรับซองเอกสารมาไว้ในมือแล้วค่อยคลายเชือกเพื่อดูภาพด้านในนั้น

“จากหลักฐานที่รวบรวมมาได้ ทั้งรูปพรรณสัณฐาน เสื้อผ้าที่สวมใส่ และรถที่เข้ามาจอดบริเวณคลับ ล้วนแล้วแต่มีผู้ชายคนนี้อยู่...”

“มั่นใจได้ยังไงว่าเป็นเขา?”

“เขาค่อนข้างมีจุดเด่นครับ”

“อะไร?” เอ่ยถามพลางเลื่อนภาพจากในซองออกมาดู ก่อนที่จะนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่ารูปนั้นคือใคร

เซย์ยกมือไม่ให้บอดีการ์ดของตนพูดต่อ เพราะเขาเห็นแล้วว่าจุดเด่นที่ว่าคืออะไร แต่ที่ทำเอาเขาจุกอักก็คงเพราะเขายังจำเด็กผู้ชายในลิฟท์คนนั้นได้ นี่เขาโง่งมนักหรืออย่างไรถึงได้ปล่อยให้ศัตรูขึ้นมาเหยียบจมูกถึงที่

น่าเสียดายจริงหากคนที่เขาต้องตาจะถูกเหมารวมยกเข่งกับพวกบรรษัทข้ามชาติพวกนั้น เด็กคนนี้คงยังเป็นพวกมือใหม่หัดร้ายถึงได้ไม่ระมัดระวังตัวเอาเสียเลย เอาเข้าจริงพวกมันคงดูถูกเขามากถึงได้ส่งเด็กเมื่อวานซืนเช่นนั้นมาต่อกรกับเขา

“หาหลักฐานเกี่ยวกับเด็กคนนี้มา แล้วรายงานฉัน... เท่านั้น”

สำหรับคนอย่างเซย์ แค่เด็กคนเดียว ไม่คณามือหรอกน่า!
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. นิยาย - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger